Customer Reviews

แค่ได้อ่านชื่อเรื่องก็อยากหยิบมาพลิกดูแล้วล่ะค่ะ เพราะคงไม่มีใครไม่อยากรวย และบางคนถ้ารู้ว่าลาออกแล้วรวยได้นี่คงจะลาออกมานานแล้วแน่ๆ เลยทีเดียวเชียวล่ะ แต่ใจเย็นก่อนนะคะ...อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุป ตั้งสติให้ดีๆ ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ และตัดสินใจเลือกเส้นทางที่คิดว่าดีที่สุด จะเป็นประโยชน์กับชีวิตมากกว่าอย่างแน่นอนค่ะ

หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานเขียนแนวจิตวิทยาทั่วไปของคุณเมษ พิชญพล ผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์ปราณ ที่พอตีพิมพ์ปุ๊บก็ติดอันดับขายดีท็อปร้อยประเทศอันดับต้นๆ ของซีเอ็ดอยู่นานหลายเดือนเลย เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่จะมีผลต่อทัศนคติอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตของนักอ่านหลายๆ ท่านอย่างแน่นอนเลยล่ะค่ะ

เนื้อหาในเล่มเน้นการนำเรื่องเล่า ประสบการณ์หรือหลักคิดดีๆ ต่างๆ ของคนรวยที่ประสบความสำเร็จทางด้านการงานและการเงินอย่างเช่น เรื่องราวของสตีฟ จอบส์, บิล เกตส์, เจฟฟ์ เบซอส, ไบรอัน เทรซี่, คุณตัณ ภาสกรนที, คุณโหน่ง-วงศ์ทะนง ชัยณรงค์สิงห์, คุณต๊อบ-อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ ฯลฯ มาเป็นตัวดำเนินเรื่อง ซึ่งถ้าใครกำลังอยากรู้ว่าคนรวยมีแนวคิดเกี่ยวกับชีวิต หรือช่องทางการหาเงินอย่างไรนี่ก็ต้องเล่มนี้โดยเฉพาะเลยล่ะ ผู้เขียนรวบรวมตัวอย่างประสบการณ์ดีๆ มาให้ได้อ่านกันแบบไม่อั้นค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีแทรกในส่วนของคำคมชวนให้ฉุกคิด หรือไม่ก็คำคมแนวสร้างแรงบันดาลใจด้วยเช่นเดียวกัน อ่านแล้วก็รู้สึกว่าโดนหลายๆ คำเลย โดยเฉพาะคำพูดของบิลเกตส์ที่ว่า “ชีวิตนี้ไม่ยุติธรรมนักหรอก ทำความเคยชินกับมันซะเถอะ” นี่โดนมาก ค่อนข้างตรงกับประสบการณ์ชีวิต แล้วก็ช่วยสร้างแรงฮึดให้ผู้รีวิวอย่างมากทีเดียวค่ะ ถือเป็นหนังสือคุณภาพอีกเล่มหนึ่งที่อยากให้อ่านกันนะคะ!

แค่ได้อ่านชื่อเรื่องก็อยากหยิบมาพลิกดูแล้วล่ะค่ะ เพราะคงไม่มีใครไม่อยากรวย และบางคนถ้ารู้ว่าลาออกแล้วรวยได้นี่คงจะลาออกมานานแล้วแน่ๆ เลยทีเดียวเชียวล่ะ แต่ใจเย็นก่อนนะคะ...อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุป ตั้งสติให้ดีๆ ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ และตัดสินใจเลือกเส้นทางที่คิดว่าดีที่สุด จะเป็นประโยชน์กับชีวิตมากกว่าอย่างแน่นอนค่ะ

หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานเขียนแนวจิตวิทยาทั่วไปของคุณเมษ พิชญพล ผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์ปราณ ที่พอตีพิมพ์ปุ๊บก็ติดอันดับขายดีท็อปร้อยประเทศอันดับต้นๆ ของซีเอ็ดอยู่นานหลายเดือนเลย เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่จะมีผลต่อทัศนคติอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตของนักอ่านหลายๆ ท่านอย่างแน่นอนเลยล่ะค่ะ

เนื้อหาในเล่มเน้นการนำเรื่องเล่า ประสบการณ์หรือหลักคิดดีๆ ต่างๆ ของคนรวยที่ประสบความสำเร็จทางด้านการงานและการเงินอย่างเช่น เรื่องราวของสตีฟ จอบส์, บิล เกตส์, เจฟฟ์ เบซอส, ไบรอัน เทรซี่, คุณตัณ ภาสกรนที, คุณโหน่ง-วงศ์ทะนง ชัยณรงค์สิงห์, คุณต๊อบ-อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ ฯลฯ มาเป็นตัวดำเนินเรื่อง ซึ่งถ้าใครกำลังอยากรู้ว่าคนรวยมีแนวคิดเกี่ยวกับชีวิต หรือช่องทางการหาเงินอย่างไรนี่ก็ต้องเล่มนี้โดยเฉพาะเลยล่ะ ผู้เขียนรวบรวมตัวอย่างประสบการณ์ดีๆ มาให้ได้อ่านกันแบบไม่อั้นค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีแทรกในส่วนของคำคมชวนให้ฉุกคิด หรือไม่ก็คำคมแนวสร้างแรงบันดาลใจด้วยเช่นเดียวกัน อ่านแล้วก็รู้สึกว่าโดนหลายๆ คำเลย โดยเฉพาะคำพูดของบิลเกตส์ที่ว่า “ชีวิตนี้ไม่ยุติธรรมนักหรอก ทำความเคยชินกับมันซะเถอะ” นี่โดนมาก ค่อนข้างตรงกับประสบการณ์ชีวิต แล้วก็ช่วยสร้างแรงฮึดให้ผู้รีวิวอย่างมากทีเดียวค่ะ ถือเป็นหนังสือคุณภาพอีกเล่มหนึ่งที่อยากให้อ่านกันนะคะ!

หนังสือแนวบริหารธุรกิจ ผลงานคุณธเนศ ลีลาภรณ์ ที่ติดอันดับท็อปร้อยประเทศของซีเอ็ดเนิ่นนานหลายเดือนอีกเล่มหนึ่งที่ช่วยเปิดโลกทัศน์การสร้างอิสรภาพทางการเงินได้มากมายทีเดียวค่ะ

สำหรับหนังสือเล่มนี้จะมาแนวจิตวิทยา บริหารธุรกิจคล้ายๆ เล่ม “เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร” ของคุณพอล ภัทรพลเหมือนกัน แต่ก็แตกต่างกันทางด้านเนื้อหานั่นแหละนะคะ โดยเล่มนี้จะเน้นเปิดเผยความจริงด้านรายได้หลังเรียนจบมาให้น้องๆ นักเรียน นักศึกษา ได้ตระหนักกันเอาไว้ให้ดีๆ ว่าจบออกมาแล้วจะทำงานด้านนี้ดีหรือไม่ มีช่องทางอะไรบ้างที่จะทำให้ร่ำรวยจากสาขาอาชีพที่ร่ำเรียนมา เน้นไปที่การสร้างรายได้ในหลายๆ ช่องทาง และก็เน้นแนวคิดที่จะทำให้รวย ไม่ยึดติดกับหลักคิดเดิมๆ ที่จะทำให้ชีวิตของหลายๆ คนไม่สามารถหลุดพ้นออกมาจากวัฏจักรรายได้ที่ไม่น่าพึงพอใจไปตลอดชีวิตได้ โดยในเล่มก็จะมีสอดแทรกนิทาน อุทาหรณ์ชวนให้ฉุกคิดด้วย การเขียนอธิบายก็อธิบายแบบเล่าเรื่อง แชร์ประสบการณ์ ซึ่งก็จะมีเรื่องราวของคุณธเนศแทรกอยู่ด้วยเช่นกันค่ะ มีการ์ตูนช่วยสรุปความให้ท้ายบทในแต่ละบท เรียกได้ว่าเป็นหน้าพักสายตาที่มีสาระดีทีเดียวเชียวล่ะ ซึ่งพอได้อ่านทั้งเล่มแล้วผู้รีวิวก็ประทับใจในหลายๆ บทค่ะ มีเรื่องราวโดนๆ ชวนให้ฉุกคิดอยู่หลายเรื่องอย่างเช่น เรื่องการหารายได้ตามเวลา และตามผลงาน เรื่องช่องทางการสร้าง passive income เรื่องอย่ารอให้พร้อมก่อนแล้วค่อยลงมือสร้างรายได้ เรื่องการใช้เงินของคนรวย เป็นต้น เรียกได้ว่าถ้าอ่านจบทั้งเล่มก็จะได้ไอเดียดีๆ ในการสร้างงานสร้างรายได้เยอะๆ ให้ตัวเราเองอย่างแน่นอนค่ะ อยากให้ลองอ่านกันดูนะคะ อ่านได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพค่ะ เนื้อหาไม่ได้เป็นเรื่องเฉพาะทางที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าใจได้อย่างแน่นอน

หนังสือแนวบริหารธุรกิจ ผลงานคุณธเนศ ลีลาภรณ์ ที่ติดอันดับท็อปร้อยประเทศของซีเอ็ดเนิ่นนานหลายเดือนอีกเล่มหนึ่งที่ช่วยเปิดโลกทัศน์การสร้างอิสรภาพทางการเงินได้มากมายทีเดียวค่ะ

สำหรับหนังสือเล่มนี้จะมาแนวจิตวิทยา บริหารธุรกิจคล้ายๆ เล่ม “เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร” ของคุณพอล ภัทรพลเหมือนกัน แต่ก็แตกต่างกันทางด้านเนื้อหานั่นแหละนะคะ โดยเล่มนี้จะเน้นเปิดเผยความจริงด้านรายได้หลังเรียนจบมาให้น้องๆ นักเรียน นักศึกษา ได้ตระหนักกันเอาไว้ให้ดีๆ ว่าจบออกมาแล้วจะทำงานด้านนี้ดีหรือไม่ มีช่องทางอะไรบ้างที่จะทำให้ร่ำรวยจากสาขาอาชีพที่ร่ำเรียนมา เน้นไปที่การสร้างรายได้ในหลายๆ ช่องทาง และก็เน้นแนวคิดที่จะทำให้รวย ไม่ยึดติดกับหลักคิดเดิมๆ ที่จะทำให้ชีวิตของหลายๆ คนไม่สามารถหลุดพ้นออกมาจากวัฏจักรรายได้ที่ไม่น่าพึงพอใจไปตลอดชีวิตได้ โดยในเล่มก็จะมีสอดแทรกนิทาน อุทาหรณ์ชวนให้ฉุกคิดด้วย การเขียนอธิบายก็อธิบายแบบเล่าเรื่อง แชร์ประสบการณ์ ซึ่งก็จะมีเรื่องราวของคุณธเนศแทรกอยู่ด้วยเช่นกันค่ะ มีการ์ตูนช่วยสรุปความให้ท้ายบทในแต่ละบท เรียกได้ว่าเป็นหน้าพักสายตาที่มีสาระดีทีเดียวเชียวล่ะ ซึ่งพอได้อ่านทั้งเล่มแล้วผู้รีวิวก็ประทับใจในหลายๆ บทค่ะ มีเรื่องราวโดนๆ ชวนให้ฉุกคิดอยู่หลายเรื่องอย่างเช่น เรื่องการหารายได้ตามเวลา และตามผลงาน เรื่องช่องทางการสร้าง passive income เรื่องอย่ารอให้พร้อมก่อนแล้วค่อยลงมือสร้างรายได้ เรื่องการใช้เงินของคนรวย เป็นต้น เรียกได้ว่าถ้าอ่านจบทั้งเล่มก็จะได้ไอเดียดีๆ ในการสร้างงานสร้างรายได้เยอะๆ ให้ตัวเราเองอย่างแน่นอนค่ะ อยากให้ลองอ่านกันดูนะคะ อ่านได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพค่ะ เนื้อหาไม่ได้เป็นเรื่องเฉพาะทางที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าใจได้อย่างแน่นอน

งานเขียนคุณภาพจากคุณ “พอล” ภัทรพล ศิลปาจารย์ ที่จะช่วยเพิ่มแง่คิด หรือทัศนคติดีๆ ทางด้านการเงินให้เราได้เอามาขบคิด และประยุกต์ใช้กับชีวิตจริงๆ ของเราที่จะต้องมีเงินใช้ไปตลอดชีวิต เพื่อความสุขกายสบายใจในชีวิตของตัวเราเองและคนที่เรารักนี่แหละค่ะ

เล่มนี้ติดอันดับขายดีท็อปร้อยประเทศของซีเอ็ดยาวนานหลายเดือนทีเดียวเชียวล่ะ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไรค่ะที่เห็นเล่มนี่ติดท็อปอันดับสูงๆ ได้ยาวนานขนาดนี้ เพราะเนื้อหาของเขาอ่านง่าย สบายๆ และก็อธิบายประเด็นการเพิ่มสิ่งไม่มีชีวิตที่เรียกว่า “เงิน” เข้ามาในชีวิตของเราเองอย่างรอบด้านทีเดียวเชียวล่ะ โดยในแต่ละบทก็จะสอดแทรก Quote หรือคำคมดีๆ ที่จะช่วยสร้างแรงฮึด แรงบันดาลใจ และกำลังใจให้คนอ่านด้วย ส่วนเนื้อหาในแต่ละหน้าก็ไม่ได้อัดแน่น ตัวหนังสือติดๆ กันละเอียดยิบเหมือนหนังสือวิชาการ แต่จะเขียนแบบใส่เนื้อหาเน้นๆ ไม่มีน้ำให้เสียเวลาอ่าน และก็ไม่ได้อัดเนื้อหามากจนหมดอารมณ์อ่านค่ะ

เนื้อหาในแต่ละบทจะสอดแทรกเรื่องราวของคุณพอลเข้ามาด้วย เป็นการเขียนเหมือนคุยกัน และแบ่งปันประสบการณ์ มีหลักคิดเกี่ยวกับการสร้างรายได้แบบ passive income เป็นหลัก เปิดโลกทัศน์ด้านช่องทางการประกอบธุรกิจ หรือการขายทรัพย์สินทางปัญญา มีทฤษฎีเกี่ยวกับอิสรภาพทางการเงิน และอิสรภาพทางเวลา แนะวิธีเขียนความฝัน บอกเล่าคำพูดเด็ดๆ จากคนรวยที่จะช่วยให้เราฉุกคิดว่า สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี่คุ้มกันแล้วหรือเปล่า เราควรจะมุ่งมั่นทำสิ่งๆ นี้ต่อไปดีไหม...ยังมีทฤษฎีและเรื่องราวอื่นๆ ที่น่าติดตาม และนำไปประยุกต์ใช้รออยู่ในเล่มล่ะนะคะ ถือเป็นหนังสือดีๆ อีกเล่มหนึ่งผู้รีวิวอยากจะแนะนำให้อ่านมากๆ ค่ะ มีประโยชน์ที่จะสามารถดึงมาใช้กับชีวิตจริงได้อย่างแน่นอนเลยล่ะ

งานเขียนคุณภาพจากคุณ “พอล” ภัทรพล ศิลปาจารย์ ที่จะช่วยเพิ่มแง่คิด หรือทัศนคติดีๆ ทางด้านการเงินให้เราได้เอามาขบคิด และประยุกต์ใช้กับชีวิตจริงๆ ของเราที่จะต้องมีเงินใช้ไปตลอดชีวิต เพื่อความสุขกายสบายใจในชีวิตของตัวเราเองและคนที่เรารักนี่แหละค่ะ

เล่มนี้ติดอันดับขายดีท็อปร้อยประเทศของซีเอ็ดยาวนานหลายเดือนทีเดียวเชียวล่ะ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไรค่ะที่เห็นเล่มนี่ติดท็อปอันดับสูงๆ ได้ยาวนานขนาดนี้ เพราะเนื้อหาของเขาอ่านง่าย สบายๆ และก็อธิบายประเด็นการเพิ่มสิ่งไม่มีชีวิตที่เรียกว่า “เงิน” เข้ามาในชีวิตของเราเองอย่างรอบด้านทีเดียวเชียวล่ะ โดยในแต่ละบทก็จะสอดแทรก Quote หรือคำคมดีๆ ที่จะช่วยสร้างแรงฮึด แรงบันดาลใจ และกำลังใจให้คนอ่านด้วย ส่วนเนื้อหาในแต่ละหน้าก็ไม่ได้อัดแน่น ตัวหนังสือติดๆ กันละเอียดยิบเหมือนหนังสือวิชาการ แต่จะเขียนแบบใส่เนื้อหาเน้นๆ ไม่มีน้ำให้เสียเวลาอ่าน และก็ไม่ได้อัดเนื้อหามากจนหมดอารมณ์อ่านค่ะ

เนื้อหาในแต่ละบทจะสอดแทรกเรื่องราวของคุณพอลเข้ามาด้วย เป็นการเขียนเหมือนคุยกัน และแบ่งปันประสบการณ์ มีหลักคิดเกี่ยวกับการสร้างรายได้แบบ passive income เป็นหลัก เปิดโลกทัศน์ด้านช่องทางการประกอบธุรกิจ หรือการขายทรัพย์สินทางปัญญา มีทฤษฎีเกี่ยวกับอิสรภาพทางการเงิน และอิสรภาพทางเวลา แนะวิธีเขียนความฝัน บอกเล่าคำพูดเด็ดๆ จากคนรวยที่จะช่วยให้เราฉุกคิดว่า สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี่คุ้มกันแล้วหรือเปล่า เราควรจะมุ่งมั่นทำสิ่งๆ นี้ต่อไปดีไหม...ยังมีทฤษฎีและเรื่องราวอื่นๆ ที่น่าติดตาม และนำไปประยุกต์ใช้รออยู่ในเล่มล่ะนะคะ ถือเป็นหนังสือดีๆ อีกเล่มหนึ่งผู้รีวิวอยากจะแนะนำให้อ่านมากๆ ค่ะ มีประโยชน์ที่จะสามารถดึงมาใช้กับชีวิตจริงได้อย่างแน่นอนเลยล่ะ

หนังสือรวมคำคม หรือ Quote เล่มเล็ก ฉบับพกพาของคุณวงศ์ทะนง ชัยณรงค์สิงห์ สำนักพิมพ์ a book ที่จะเหมาะมากสำหรับอ่านเพื่อให้กำลังใจตัวเอง อ่านเวลารู้สึกเหนื่อย ท้อแท้ หรือไม่ก็อ่านเวลาว่างๆ ไม่มีอะไรจะทำ หรือไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีค่ะ

สำหรับเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ บอกได้เลยว่าจะไม่เหมาะกับคนที่ชอบเนื้อหาอัดแน่น เปิดมาปุ๊บต้องเจอตัวหนังสือละเอียดยิบเต็มหน้านะคะ เพราะเนื้อหาเล่มนี้จะหลวมมากๆ แต่ละหน้านี่เน้นเฉพาะคำคมตัวใหญ่ๆ แทน ชนิดที่ถ้าใครสายตาไม่ค่อยดีก็จะชอบเป็นพิเศษเลยล่ะ ส่วนเนื้อหาแบบตัวหนังสือเล็กๆ ปกติเหมือนหนังสือแนวจิตวิทยาทั่วไปก็มีมาให้เห็นเหมือนกันค่ะ แต่จะมีแทรกอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกนั้นคือคำคมตัวใหญ่ๆ เบ้อเริ่มๆ หน่อยซึ่งอ่านแล้วก็โดนบ้าง ไม่โดนบ้าง ทัศนคติของผู้ริวิวไม่ตรงกับที่ผู้เขียนเขียนมาบ้างก็มีเหมือนกัน แต่เมื่ออ่านโดยรวมทั้งเล่มแล้ว คำคมส่วนใหญ่ก็ถือว่าเป็นคำคมแนวสร้างแรงฮึด สร้างกำลังใจและสร้างแรงบันดาลใจที่ดีค่ะ มีการเขียนบอกเล่าเรื่องราวแทรกอยู่ประปรายภายในเล่มซึ่งก็เป็นเรื่องราวดีๆ ที่สะกิดให้คิด สะกิดให้เตรียมพร้อมที่จะพัฒนาตนเอง รู้จักฝันบนพื้นฐานของความเป็นจริง มองการณ์ใกล้ก่อนมองการณ์ไกล อะไรแนวๆ นี้ซึ่งก็เป็นเรื่องราวที่ให้ข้อคิดดีๆ อ่านแล้วช่วยสร้างกำลังใจให้พร้อมที่จะเดินหน้าพัฒนาตนเอง หรือวิ่งไล่ตามความฝันต่อไปได้ดีค่ะ ประมาณว่า ถ้าใครกำลังเครียด กำลังจะหมดความอดทนกับสิ่งที่ตัวเองเป็นคนตัดสินใจเริ่มต้นลงมือทำ กำลังมีปัญหาชีวิตที่แก้ไม่ตก ก็ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดู บางทีอาจจะได้ไอเดียใหม่ๆ ทัศนคติใหม่ๆ มาช่วยแก้ไขปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ก็ได้นะ

หนังสือรวมคำคม หรือ Quote เล่มเล็ก ฉบับพกพาของคุณวงศ์ทะนง ชัยณรงค์สิงห์ สำนักพิมพ์ a book ที่จะเหมาะมากสำหรับอ่านเพื่อให้กำลังใจตัวเอง อ่านเวลารู้สึกเหนื่อย ท้อแท้ หรือไม่ก็อ่านเวลาว่างๆ ไม่มีอะไรจะทำ หรือไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีค่ะ

สำหรับเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ บอกได้เลยว่าจะไม่เหมาะกับคนที่ชอบเนื้อหาอัดแน่น เปิดมาปุ๊บต้องเจอตัวหนังสือละเอียดยิบเต็มหน้านะคะ เพราะเนื้อหาเล่มนี้จะหลวมมากๆ แต่ละหน้านี่เน้นเฉพาะคำคมตัวใหญ่ๆ แทน ชนิดที่ถ้าใครสายตาไม่ค่อยดีก็จะชอบเป็นพิเศษเลยล่ะ ส่วนเนื้อหาแบบตัวหนังสือเล็กๆ ปกติเหมือนหนังสือแนวจิตวิทยาทั่วไปก็มีมาให้เห็นเหมือนกันค่ะ แต่จะมีแทรกอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกนั้นคือคำคมตัวใหญ่ๆ เบ้อเริ่มๆ หน่อยซึ่งอ่านแล้วก็โดนบ้าง ไม่โดนบ้าง ทัศนคติของผู้ริวิวไม่ตรงกับที่ผู้เขียนเขียนมาบ้างก็มีเหมือนกัน แต่เมื่ออ่านโดยรวมทั้งเล่มแล้ว คำคมส่วนใหญ่ก็ถือว่าเป็นคำคมแนวสร้างแรงฮึด สร้างกำลังใจและสร้างแรงบันดาลใจที่ดีค่ะ มีการเขียนบอกเล่าเรื่องราวแทรกอยู่ประปรายภายในเล่มซึ่งก็เป็นเรื่องราวดีๆ ที่สะกิดให้คิด สะกิดให้เตรียมพร้อมที่จะพัฒนาตนเอง รู้จักฝันบนพื้นฐานของความเป็นจริง มองการณ์ใกล้ก่อนมองการณ์ไกล อะไรแนวๆ นี้ซึ่งก็เป็นเรื่องราวที่ให้ข้อคิดดีๆ อ่านแล้วช่วยสร้างกำลังใจให้พร้อมที่จะเดินหน้าพัฒนาตนเอง หรือวิ่งไล่ตามความฝันต่อไปได้ดีค่ะ ประมาณว่า ถ้าใครกำลังเครียด กำลังจะหมดความอดทนกับสิ่งที่ตัวเองเป็นคนตัดสินใจเริ่มต้นลงมือทำ กำลังมีปัญหาชีวิตที่แก้ไม่ตก ก็ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดู บางทีอาจจะได้ไอเดียใหม่ๆ ทัศนคติใหม่ๆ มาช่วยแก้ไขปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ก็ได้นะ

อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วก็รู้สึกว่าเข้าใจหลักคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับงานด้านการตลาด หรือ “การตอบสนองความต้องการของลูกค้า” มากทีเดียวค่ะ ผู้เขียนคือ คุณวิกรานต์ มงคลจันทร์ ได้สรุปหลักคิด หรือกลยุทธ์ต่างๆ ที่สำคัญกับงานด้านการตลาดเอาไว้อย่างเป็นระบบระเบียบดีทีเดียวเชียวล่ะ โดยเนื้อหาในเล่มจะแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ ส่วนที่หนึ่งคือ การวางแผน (Plan) และส่วนที่สองคือการลงมือปฏิบัติ (Implementation) ในส่วนที่หนึ่งคือ การวางแผนก็จะบอกถึงการวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ อย่างเช่น วิเคราะห์ 5C วิเคราะห์ SWOT วิเคราะห์วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Product Life Cycle) ฯลฯ และมีการสรุปกลยุทธ์ทางการตลาดมาให้ อย่างเช่น กลยุทธ์ STP, กลยุทธ์การตลาดน่านน้ำสีคราม (Blue Ocean), กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ (Branding), กลยุทธ์การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) เป็นต้นค่ะ ส่วนในส่วนที่สอง หรือขั้นการปฏิบัติ ก็จะมีอธิบายถึงการลงมือทำ (Do) การตรวจสอบ (Check) และการดำเนินการ (Action) และอธิบายถึงนักการตลาดและบทสรุปอีกทีเพื่อความเข้าใจของคนอ่านเอาไว้ท้ายเล่มให้ด้วย

ในส่วนของรูปแบบการเขียนอธิบายหลักคิดและทฤษฎีต่างๆ ในเล่ม ถือว่าสรุปใจความสำคัญมาให้คนอ่านสามารถทำความเข้าใจได้อย่างดีเยี่ยมค่ะ มีการยกตัวอย่าง และใส่ภาพประกอบเพื่ออธิบายความเพิ่มเติมเอาไว้อย่างชัดเจนทีเดียวเชียวล่ะ อ่านแล้วก็ได้แบบเนื้อเน้นๆ ไม่มีน้ำท่วมทุ่งค่ะ ถือเป็นหนังสือแนวบริหารธุรกิจที่เหมาะมากๆ สำหรับผู้สนใจงานด้านการตลาดที่ยังเพิ่งเริ่มต้นศึกษา หรือแม้แต่เจ้าของธุรกิจที่เพิ่งจะเริ่มดำเนินกิจการก็อ่านได้เช่นเดียวกันนะคะ จะเป็นหนังสือที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณแน่ๆ เพราะเมื่อทำธุรกิจแล้วก็ไม่มีทางที่จะหนีงานด้านการตลาดพ้นไปได้อย่างแน่นอนเลยล่ะ!

อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วก็รู้สึกว่าเข้าใจหลักคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับงานด้านการตลาด หรือ “การตอบสนองความต้องการของลูกค้า” มากทีเดียวค่ะ ผู้เขียนคือ คุณวิกรานต์ มงคลจันทร์ ได้สรุปหลักคิด หรือกลยุทธ์ต่างๆ ที่สำคัญกับงานด้านการตลาดเอาไว้อย่างเป็นระบบระเบียบดีทีเดียวเชียวล่ะ โดยเนื้อหาในเล่มจะแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ ส่วนที่หนึ่งคือ การวางแผน (Plan) และส่วนที่สองคือการลงมือปฏิบัติ (Implementation) ในส่วนที่หนึ่งคือ การวางแผนก็จะบอกถึงการวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ อย่างเช่น วิเคราะห์ 5C วิเคราะห์ SWOT วิเคราะห์วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Product Life Cycle) ฯลฯ และมีการสรุปกลยุทธ์ทางการตลาดมาให้ อย่างเช่น กลยุทธ์ STP, กลยุทธ์การตลาดน่านน้ำสีคราม (Blue Ocean), กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ (Branding), กลยุทธ์การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) เป็นต้นค่ะ ส่วนในส่วนที่สอง หรือขั้นการปฏิบัติ ก็จะมีอธิบายถึงการลงมือทำ (Do) การตรวจสอบ (Check) และการดำเนินการ (Action) และอธิบายถึงนักการตลาดและบทสรุปอีกทีเพื่อความเข้าใจของคนอ่านเอาไว้ท้ายเล่มให้ด้วย

ในส่วนของรูปแบบการเขียนอธิบายหลักคิดและทฤษฎีต่างๆ ในเล่ม ถือว่าสรุปใจความสำคัญมาให้คนอ่านสามารถทำความเข้าใจได้อย่างดีเยี่ยมค่ะ มีการยกตัวอย่าง และใส่ภาพประกอบเพื่ออธิบายความเพิ่มเติมเอาไว้อย่างชัดเจนทีเดียวเชียวล่ะ อ่านแล้วก็ได้แบบเนื้อเน้นๆ ไม่มีน้ำท่วมทุ่งค่ะ ถือเป็นหนังสือแนวบริหารธุรกิจที่เหมาะมากๆ สำหรับผู้สนใจงานด้านการตลาดที่ยังเพิ่งเริ่มต้นศึกษา หรือแม้แต่เจ้าของธุรกิจที่เพิ่งจะเริ่มดำเนินกิจการก็อ่านได้เช่นเดียวกันนะคะ จะเป็นหนังสือที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณแน่ๆ เพราะเมื่อทำธุรกิจแล้วก็ไม่มีทางที่จะหนีงานด้านการตลาดพ้นไปได้อย่างแน่นอนเลยล่ะ!

ผลงานหนังสือสอนภาษาอังกฤษจากคุณภูมิชาย บุญสินสุข สำนักพิมพ์อะบุ๊ก ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจ และสามารถจดจำความหมายของคำศัพท์และสำนวนต่างๆ ที่อาจได้มีโอกาสนำมาใช้ในชีวิตประจำวันอีกเล่มหนึ่งที่ไม่ควรพลาด สำหรับผู้สนใจอยากจะเพิ่มพูนคลังคำศัพท์ภาษาอังกฤษให้ตนเองค่ะ

เนื้อหาในเล่มจะแบ่งคำหมูๆ ง่ายๆ แบบที่หลายคนคุ้นเคย หรือเจอบ่อยๆ เอาไว้เป็นหมวดๆ โดยในแต่ละหมวดก็จะแยกย่อย เอาคำหมูของหมวดนั้นมาตีแผ่ออกเป็นคำศัพท์ สำนวน หรือวลีที่ไม่ง่ายไม่ยากเพิ่มเติมให้อีก แบบเอาให้จุใจ ชนิดที่ถ้าเห็นคำหมูๆ คำนี้แล้วก็จะเผลอนึกถึงสำนวนที่มีคำหมูๆ คำนี้ประกอบต่อไปได้อีกหลายสำนวนทีเดียวค่ะ ในส่วนของรูปแบบการเขียนอธิบายความหมาย และการนำคำศัพท์ หรือสำนวนเหล่านั้นไปใช้เองก็มาแบบฮาๆ ใช้ภาษาเป็นกันเอง อ่านแล้วขำ หัวเราะคิกคักได้ตลอดทั้งเล่ม และก็ได้ความรู้ไปด้วย มีการยกตัวอย่างมาให้เห็นภาพ มีรูปประกอบแบบอาร์ตๆ abstract หน่อยๆ แทรกเข้ามาให้ได้พักสายตา เน้นอ่านเอาฮา เอาความเข้าใจ แล้วสุดท้ายคนอ่านหลายๆ คนก็จะจดจำคำศัพท์นั้นได้ โดยไม่ต้องใช้วิธีท่องจำให้ปวดหัวเลยล่ะ (ถ้าอ่านอย่างตั้งใจจริงนะคะ!)

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้อ่านวัยทำงาน ที่มีเวลาน้อย ไม่มีเวลามานั่งอ่านหนังสือความยาว 304 หน้า แบบตั้งอกตั้งใจได้ ก็ใช้เล่มนี้เป็นหนังสืออ้างอิง หรือ reference นึกอยากจะค้นตอนไหนก็ค้นได้เหมือนกันค่ะ หรือจะพกเอามาอ่านเล่นๆ เวลาว่างๆ แบบสุ่มๆ อ่านคำที่สนใจ หรือยังสับสนอยู่ก็ทำได้เช่นเดียวกัน ไม่มีปัญหาเพราะอ่านข้ามได้ ไม่สับสน เน้นทำความเข้าใจเฉพาะคำที่เราจำเป็นจะต้องใช้บ่อยๆ เท่านี้ก็ได้เหมือนกันค่ะ

ผลงานหนังสือสอนภาษาอังกฤษจากคุณภูมิชาย บุญสินสุข สำนักพิมพ์อะบุ๊ก ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจ และสามารถจดจำความหมายของคำศัพท์และสำนวนต่างๆ ที่อาจได้มีโอกาสนำมาใช้ในชีวิตประจำวันอีกเล่มหนึ่งที่ไม่ควรพลาด สำหรับผู้สนใจอยากจะเพิ่มพูนคลังคำศัพท์ภาษาอังกฤษให้ตนเองค่ะ

เนื้อหาในเล่มจะแบ่งคำหมูๆ ง่ายๆ แบบที่หลายคนคุ้นเคย หรือเจอบ่อยๆ เอาไว้เป็นหมวดๆ โดยในแต่ละหมวดก็จะแยกย่อย เอาคำหมูของหมวดนั้นมาตีแผ่ออกเป็นคำศัพท์ สำนวน หรือวลีที่ไม่ง่ายไม่ยากเพิ่มเติมให้อีก แบบเอาให้จุใจ ชนิดที่ถ้าเห็นคำหมูๆ คำนี้แล้วก็จะเผลอนึกถึงสำนวนที่มีคำหมูๆ คำนี้ประกอบต่อไปได้อีกหลายสำนวนทีเดียวค่ะ ในส่วนของรูปแบบการเขียนอธิบายความหมาย และการนำคำศัพท์ หรือสำนวนเหล่านั้นไปใช้เองก็มาแบบฮาๆ ใช้ภาษาเป็นกันเอง อ่านแล้วขำ หัวเราะคิกคักได้ตลอดทั้งเล่ม และก็ได้ความรู้ไปด้วย มีการยกตัวอย่างมาให้เห็นภาพ มีรูปประกอบแบบอาร์ตๆ abstract หน่อยๆ แทรกเข้ามาให้ได้พักสายตา เน้นอ่านเอาฮา เอาความเข้าใจ แล้วสุดท้ายคนอ่านหลายๆ คนก็จะจดจำคำศัพท์นั้นได้ โดยไม่ต้องใช้วิธีท่องจำให้ปวดหัวเลยล่ะ (ถ้าอ่านอย่างตั้งใจจริงนะคะ!)

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้อ่านวัยทำงาน ที่มีเวลาน้อย ไม่มีเวลามานั่งอ่านหนังสือความยาว 304 หน้า แบบตั้งอกตั้งใจได้ ก็ใช้เล่มนี้เป็นหนังสืออ้างอิง หรือ reference นึกอยากจะค้นตอนไหนก็ค้นได้เหมือนกันค่ะ หรือจะพกเอามาอ่านเล่นๆ เวลาว่างๆ แบบสุ่มๆ อ่านคำที่สนใจ หรือยังสับสนอยู่ก็ทำได้เช่นเดียวกัน ไม่มีปัญหาเพราะอ่านข้ามได้ ไม่สับสน เน้นทำความเข้าใจเฉพาะคำที่เราจำเป็นจะต้องใช้บ่อยๆ เท่านี้ก็ได้เหมือนกันค่ะ

สำหรับหนังสือเล่มนี้ เหมาะมากๆ สำหรับทุกๆ คนที่อยากจะเป็นนักเขียนบทความที่ต้องการจะสร้างรายได้เสริมจากงานเขียนบทความของตัวเองค่ะ เนื้อหาอาจยังไม่อัพเดตเท่าที่ควรเพราะตีพิมพ์มานานแล้วเหมือนกัน แต่ก็ถือว่าปูพื้นสำหรับนักอยากเขียน และนักเขียนบทความอยู่แล้วเอาไว้ไม่น้อยเลย สามารถอ่านเพื่อหาแนวทางและแหล่งข้อมูลในการเขียนบทความแบบคร่าวๆ ได้ค่ะ มีการแนะนำวิธีการเขียนบทความและแนะนำช่องทางการหางาน หารายได้จากบทความของตัวเราเองเอาไว้พร้อม เริ่มตั้งแต่การหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ การลงมือเขียน และการเสนอขายบทความของเราผ่าน eBooks เว็บบอร์ดต่างๆ เว็บบล็อก Google Absense ไปจนถึงการรับจ้างเขียนบทความฟรีแลนซ์

สำหรับผู้รีวิวแล้วมองว่าหนังสือเล่มนี้เป็นอีกหนึ่งเล่มที่แนะนำหลักการเขียนและหารายได้จากบทความได้ดีระดับหนึ่ง เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มเขียนบทความอย่างไรเป็นพิเศษค่ะ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเนื้อหาส่วนที่บอกช่องทางการหาไอเดียเขียนบทความ หรือช่องทางการหารายได้จากบทความเอาไว้ให้ ก็ยังถือว่าให้ข้อมูลแบบกว้างๆ เป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้ระบุชัดเจนว่ามีบริษัทเด่นๆ ที่ไหนรับบ้าง รับบทความแนวไหน อัตราค่าจ้างเขียนบทความแนวต่างๆ เป็นอย่างไร ยังไม่มีข้อมูลละเอียดเกี่ยวกับการเขียนและขายบทความเป็นภาษาอื่นๆ เช่น ภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น เยอรมัน ฯลฯ แต่ในส่วนของการสอนทำ E-Commerce ถือว่าสอนได้ชัดเจนดี มีภาพประกอบคอยไกด์ให้เรียบร้อยค่ะ สุดท้ายก็อยู่ที่ตัวคนอ่านเองนี่แหละว่าจะยังเป็นนักอ่านต่อไป หรือจะลงมือเขียน เขียน และเขียนเพื่อสร้างรายได้เสริมเข้ามาเพิ่มเติมให้ชีวิต

สำหรับหนังสือเล่มนี้ เหมาะมากๆ สำหรับทุกๆ คนที่อยากจะเป็นนักเขียนบทความที่ต้องการจะสร้างรายได้เสริมจากงานเขียนบทความของตัวเองค่ะ เนื้อหาอาจยังไม่อัพเดตเท่าที่ควรเพราะตีพิมพ์มานานแล้วเหมือนกัน แต่ก็ถือว่าปูพื้นสำหรับนักอยากเขียน และนักเขียนบทความอยู่แล้วเอาไว้ไม่น้อยเลย สามารถอ่านเพื่อหาแนวทางและแหล่งข้อมูลในการเขียนบทความแบบคร่าวๆ ได้ค่ะ มีการแนะนำวิธีการเขียนบทความและแนะนำช่องทางการหางาน หารายได้จากบทความของตัวเราเองเอาไว้พร้อม เริ่มตั้งแต่การหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ การลงมือเขียน และการเสนอขายบทความของเราผ่าน eBooks เว็บบอร์ดต่างๆ เว็บบล็อก Google Absense ไปจนถึงการรับจ้างเขียนบทความฟรีแลนซ์

สำหรับผู้รีวิวแล้วมองว่าหนังสือเล่มนี้เป็นอีกหนึ่งเล่มที่แนะนำหลักการเขียนและหารายได้จากบทความได้ดีระดับหนึ่ง เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มเขียนบทความอย่างไรเป็นพิเศษค่ะ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเนื้อหาส่วนที่บอกช่องทางการหาไอเดียเขียนบทความ หรือช่องทางการหารายได้จากบทความเอาไว้ให้ ก็ยังถือว่าให้ข้อมูลแบบกว้างๆ เป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้ระบุชัดเจนว่ามีบริษัทเด่นๆ ที่ไหนรับบ้าง รับบทความแนวไหน อัตราค่าจ้างเขียนบทความแนวต่างๆ เป็นอย่างไร ยังไม่มีข้อมูลละเอียดเกี่ยวกับการเขียนและขายบทความเป็นภาษาอื่นๆ เช่น ภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น เยอรมัน ฯลฯ แต่ในส่วนของการสอนทำ E-Commerce ถือว่าสอนได้ชัดเจนดี มีภาพประกอบคอยไกด์ให้เรียบร้อยค่ะ สุดท้ายก็อยู่ที่ตัวคนอ่านเองนี่แหละว่าจะยังเป็นนักอ่านต่อไป หรือจะลงมือเขียน เขียน และเขียนเพื่อสร้างรายได้เสริมเข้ามาเพิ่มเติมให้ชีวิต

เล่มนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบวาดแนวการ์ตูนน่ารักๆ อย่างการ์ตูน SD หรือการ์ตูนแบบย่อส่วนที่นำเอาภาพคน สิ่งของหรือตัวละครสัดส่วนปกติมาวาดให้ดูน่ารักแบบเด็กๆ มากขึ้นเป็นพิเศษค่ะ ภายในเล่มมีตัวอย่างให้ได้ฝึกวาดกันอย่างจุใจทีเดียวเชียวล่ะ

ในส่วนเนื้อหาของเล่มนี้จะเน้นให้ฝึกวาด SD ตลอดทั้งเล่ม โดยจะมีตั้งแต่การวาดคน วาดเครื่องแต่งกายแบบต่างๆ วาดพร็อพและอุปกรณ์ประกอบ วาดสัตว์ วาดฉาก มีสอนเรื่องการวางองค์ประกอบของภาพ ไปจนถึงการลงสีเป็นภาพสำเร็จรูปเรียบร้อยเลย คือพอผู้รีวิวได้ฝึกวาดไปตลอดทั้งเล่มแล้วก็รู้สึกว่าภาพตัวอย่างที่เขายกมามีแต่ตัวการ์ตูนที่น่ารัก น่ากอดทั้งนั้นเลยอ้ะ ตัวอย่างด้านการแสดงออกทางสีหน้าท่าทางมีให้ได้ฝึกกันเพียบ ตัวละครเองก็มีหลากหลายตั้งแต่เด็กไปจนถึงคนแก่ที่ก็วาดออกมาให้น่ารักสไตล์ SD ได้เหมือนกัน คือถ้าใครชอบวาดแนวๆ นี้อยู่แล้วก็จะแฮปปี้มากๆ เลยล่ะค่ะ เนื้อหาค่อนข้างจัดเต็ม มีทั้งคนแบบปกติ แฟนตาซี สัตว์น่ารักๆ อุปกรณ์น่ารักๆ และฉากสวยๆ งามๆ ให้ได้ลองฝึกกัน

หากมองในภาพรวมแล้ว หนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือที่จะเหมาะมากสำหรับคนที่ชอบวาดการ์ตูนกุ๊กกิ๊กน่ารักๆ และยิ่งถ้าใครกำลังมองหางานด้านนักวาดการ์ตูนความรู้ของสำนักพิมพ์ที่ผลิตหนังสือการ์ตูนความรู้ออกมาขายเด็กๆ เล่มนี้ก็จะยิ่งเหมาะสำหรับฝึกฝน และนำไปต่อยอดคิดไอเดียตัวละคร SD ใหม่ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้มากขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

ในส่วนของภาพตัวอย่างการ์ตูน SD ในเล่มก็ยังคงสวยงาม และน่ารักมากๆ ทุกๆ ช็อตค่ะ >_<! ใครที่หลงรักการวาดภาพการ์ตูนสไตล์นี้จึงไม่ควรพลาดเล่มนี้เป็นอย่างยิ่งเลยล่ะ

เล่มนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบวาดแนวการ์ตูนน่ารักๆ อย่างการ์ตูน SD หรือการ์ตูนแบบย่อส่วนที่นำเอาภาพคน สิ่งของหรือตัวละครสัดส่วนปกติมาวาดให้ดูน่ารักแบบเด็กๆ มากขึ้นเป็นพิเศษค่ะ ภายในเล่มมีตัวอย่างให้ได้ฝึกวาดกันอย่างจุใจทีเดียวเชียวล่ะ

ในส่วนเนื้อหาของเล่มนี้จะเน้นให้ฝึกวาด SD ตลอดทั้งเล่ม โดยจะมีตั้งแต่การวาดคน วาดเครื่องแต่งกายแบบต่างๆ วาดพร็อพและอุปกรณ์ประกอบ วาดสัตว์ วาดฉาก มีสอนเรื่องการวางองค์ประกอบของภาพ ไปจนถึงการลงสีเป็นภาพสำเร็จรูปเรียบร้อยเลย คือพอผู้รีวิวได้ฝึกวาดไปตลอดทั้งเล่มแล้วก็รู้สึกว่าภาพตัวอย่างที่เขายกมามีแต่ตัวการ์ตูนที่น่ารัก น่ากอดทั้งนั้นเลยอ้ะ ตัวอย่างด้านการแสดงออกทางสีหน้าท่าทางมีให้ได้ฝึกกันเพียบ ตัวละครเองก็มีหลากหลายตั้งแต่เด็กไปจนถึงคนแก่ที่ก็วาดออกมาให้น่ารักสไตล์ SD ได้เหมือนกัน คือถ้าใครชอบวาดแนวๆ นี้อยู่แล้วก็จะแฮปปี้มากๆ เลยล่ะค่ะ เนื้อหาค่อนข้างจัดเต็ม มีทั้งคนแบบปกติ แฟนตาซี สัตว์น่ารักๆ อุปกรณ์น่ารักๆ และฉากสวยๆ งามๆ ให้ได้ลองฝึกกัน

หากมองในภาพรวมแล้ว หนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือที่จะเหมาะมากสำหรับคนที่ชอบวาดการ์ตูนกุ๊กกิ๊กน่ารักๆ และยิ่งถ้าใครกำลังมองหางานด้านนักวาดการ์ตูนความรู้ของสำนักพิมพ์ที่ผลิตหนังสือการ์ตูนความรู้ออกมาขายเด็กๆ เล่มนี้ก็จะยิ่งเหมาะสำหรับฝึกฝน และนำไปต่อยอดคิดไอเดียตัวละคร SD ใหม่ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้มากขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

ในส่วนของภาพตัวอย่างการ์ตูน SD ในเล่มก็ยังคงสวยงาม และน่ารักมากๆ ทุกๆ ช็อตค่ะ >_<! ใครที่หลงรักการวาดภาพการ์ตูนสไตล์นี้จึงไม่ควรพลาดเล่มนี้เป็นอย่างยิ่งเลยล่ะ

เล่มนี้เหมาะมากสำหรับคนที่อยากจะฝึกวาดรูปสไตล์มังงะ และอยากจะออกแบบตัวละครเป็นของตัวเองให้ได้ค่ะ

เนื้อหาภายในเล่มก็จะเป็นการสอนวาดและออกแบบตัวละครในแบบต่างๆ ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง วัยรุ่น เด็ก คนแก่ คนอ้วน คนผอม ไปจนถึงการวาดการ์ตูน SD และตัวละครที่เหมือนหลุดออกมาจากโลกแฟนตาซีโน่นเลยล่ะ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ในเล่มก็จะเน้นความหลากหลายด้านบุคลิกลักษณะ สีหน้า ท่าทาง การแสดงออกทางอารมณ์ ไปจนถึงเสื้อผ้า หน้าผม ที่มีให้ได้ฝึกกันเพียบ และที่สำคัญคือในแต่ละบท แต่ละตอนก็จะมีแทรกตัวอย่างสอนวาดตั้งแต่ร่างโครงร่าง ไปจนถึงภาพตัวละครที่เสร็จสมบูรณ์แล้วมาให้ได้ลองวาดตามกันอีกเช่นเคยค่ะ

หลังจากที่ได้ลองฝึกๆ วาดตามตัวอย่างตัวละครในเล่มนี้ดูแล้ว ผู้รีวิวก็ชอบมากๆ เลยล่ะ การสอนพื้นฐานการสร้างคาแรคเตอร์ และตัวอย่างการออกแบบตัวละครลักษณะต่างๆ ของเล่มนี้มีให้ได้ฝึกไม่น้อยค่ะ การนำเสนอตัวอย่างค่อนข้างหลากหลายมากกว่าผลงาน Drawing Comic เล่มที่ผ่านๆ มาของกลุ่มผู้เขียน C.C Club ความหลากหลายของลักษณะตัวละคร เสื้อผ้า หน้าผม ท่าทางและการแสดงออกทางอารมณ์มีเยอะมากๆ ประมาณว่าละลานตาไปหมดเลย O_O!

ถ้าใครกำลังอยากฝึกวาดตัวละครให้หลากหลาย กำลังแต่งนิยายแล้วอยากจะวาดตัวละครตามจินตนาการที่คิดเอาไว้ กำลังอยากจะออกแบบตัวละครสำหรับภาพปก หรือภาพประกอบหนังสือ หรืออยากจะออกแบบตัวการ์ตูนสไตล์มังงะเพื่อการอื่นใดอยู่ เล่มนี้ก็จะเหมาะสำหรับฝึกฝนเป็นพิเศษค่ะ เนื้อหาเขาดีจริง และลายเส้นก็สวยงามระดับมืออาชีพในทุกๆ ภาพเลยล่ะ

เล่มนี้เหมาะมากสำหรับคนที่อยากจะฝึกวาดรูปสไตล์มังงะ และอยากจะออกแบบตัวละครเป็นของตัวเองให้ได้ค่ะ

เนื้อหาภายในเล่มก็จะเป็นการสอนวาดและออกแบบตัวละครในแบบต่างๆ ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง วัยรุ่น เด็ก คนแก่ คนอ้วน คนผอม ไปจนถึงการวาดการ์ตูน SD และตัวละครที่เหมือนหลุดออกมาจากโลกแฟนตาซีโน่นเลยล่ะ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ในเล่มก็จะเน้นความหลากหลายด้านบุคลิกลักษณะ สีหน้า ท่าทาง การแสดงออกทางอารมณ์ ไปจนถึงเสื้อผ้า หน้าผม ที่มีให้ได้ฝึกกันเพียบ และที่สำคัญคือในแต่ละบท แต่ละตอนก็จะมีแทรกตัวอย่างสอนวาดตั้งแต่ร่างโครงร่าง ไปจนถึงภาพตัวละครที่เสร็จสมบูรณ์แล้วมาให้ได้ลองวาดตามกันอีกเช่นเคยค่ะ

หลังจากที่ได้ลองฝึกๆ วาดตามตัวอย่างตัวละครในเล่มนี้ดูแล้ว ผู้รีวิวก็ชอบมากๆ เลยล่ะ การสอนพื้นฐานการสร้างคาแรคเตอร์ และตัวอย่างการออกแบบตัวละครลักษณะต่างๆ ของเล่มนี้มีให้ได้ฝึกไม่น้อยค่ะ การนำเสนอตัวอย่างค่อนข้างหลากหลายมากกว่าผลงาน Drawing Comic เล่มที่ผ่านๆ มาของกลุ่มผู้เขียน C.C Club ความหลากหลายของลักษณะตัวละคร เสื้อผ้า หน้าผม ท่าทางและการแสดงออกทางอารมณ์มีเยอะมากๆ ประมาณว่าละลานตาไปหมดเลย O_O!

ถ้าใครกำลังอยากฝึกวาดตัวละครให้หลากหลาย กำลังแต่งนิยายแล้วอยากจะวาดตัวละครตามจินตนาการที่คิดเอาไว้ กำลังอยากจะออกแบบตัวละครสำหรับภาพปก หรือภาพประกอบหนังสือ หรืออยากจะออกแบบตัวการ์ตูนสไตล์มังงะเพื่อการอื่นใดอยู่ เล่มนี้ก็จะเหมาะสำหรับฝึกฝนเป็นพิเศษค่ะ เนื้อหาเขาดีจริง และลายเส้นก็สวยงามระดับมืออาชีพในทุกๆ ภาพเลยล่ะ

เล่มนี้รวบรวมตัวอย่าง และวิธีการวาดรูปการ์ตูนผู้หญิงสไตล์มังงะเอาไว้ให้มาฝึกกันแบบจุใจไปเลยค่ะ

ในส่วนของเนื้อหาก็จะเริ่มตั้งแต่สอนการวาดสัดส่วนและท่าทางต่างๆ ของตัวละครผู้หญิงให้สมส่วนกันก่อน โดยจะมีตั้งแต่สอนวาดใบหน้า ทรงผม ไปจนถึงรูปร่างท่าทางในมุมมองที่แตกต่างกันไป มีตัวอย่างบุคลิกเด่นๆ ของสาวๆ ในแต่ละสไตล์มาให้ได้ฝึกกัน อย่างเช่น สาวน่ารักใสซื่อ สวยเรียบง่าย สาวสไตล์พี่สาว โอตาคุ สาวมั่น สาวเลือดร้อน มีการแสดงตัวอย่างท่าทาง และการแสดงออกทางอารมณ์ที่หลากหลาย และมีตัวอย่างเสื้อผ้าให้ลองฝึกกันหลายๆ แบบตั้งแต่ชุดชั้นในไปจนถึงชุดพร็อพ และสุดท้ายก็มีสอนในขั้นตอนการลงสีให้สวยงามตามสไตล์มังงะค่ะ

สำหรับเล่มนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเล่มที่ผู้รีวิวอยากจะแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจจะวาด หรือกำลังฝึกวาดรูปตัวการ์ตูนผู้หญิงสไตล์มังงะกันอยู่ เป็นหนังสือที่รวมตัวอย่างการวาดผู้หญิงในลักษณะท่าทางต่างๆ เอาไว้ครบถ้วนทีเดียวค่ะ และที่สำคัญคือมีสอนตั้งแต่การร่างโครงสร้างพื้นฐานของสัดส่วนร่างกายผู้หญิงเลย ถ้าฝึกวาดตามบ่อยๆ วาดแล้ววาดอีก หรือกลับมาวาดซ้ำรูปเดิมที่เคยวาดเอาไว้ ก็จะสามารถวาดรูปตัวการ์ตูนผู้หญิงได้สวยเนี้ยบขึ้นอย่างแน่นอนเลย ตัวอย่างในเล่มเขาก็เยอะ และมีคำอธิบายสั้นๆ ให้เราทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้นด้วย แต่ที่สำคัญคือเราก็ต้องฝึกเองเท่านั้นค่ะ ฝึกฝนอย่างต่อเนื่องทุกวัน วันละอย่างน้อย 1 ชั่วโมง...จะวาดไม่เก่งขึ้นเลยก็ให้มันรู้ไปสิ!

ในส่วนของภาพตัวอย่างในเล่มนี้ถือว่าสวยงามระดับมืออาชีพเขาวาดมาเป็นไกด์ให้ค่ะ ผลงานอีกหนึ่งเล่มของ C.C Club ที่ควรซื้อมาฝึกฝนทักษะการวาดเป็นอย่างยิ่ง

เล่มนี้รวบรวมตัวอย่าง และวิธีการวาดรูปการ์ตูนผู้หญิงสไตล์มังงะเอาไว้ให้มาฝึกกันแบบจุใจไปเลยค่ะ

ในส่วนของเนื้อหาก็จะเริ่มตั้งแต่สอนการวาดสัดส่วนและท่าทางต่างๆ ของตัวละครผู้หญิงให้สมส่วนกันก่อน โดยจะมีตั้งแต่สอนวาดใบหน้า ทรงผม ไปจนถึงรูปร่างท่าทางในมุมมองที่แตกต่างกันไป มีตัวอย่างบุคลิกเด่นๆ ของสาวๆ ในแต่ละสไตล์มาให้ได้ฝึกกัน อย่างเช่น สาวน่ารักใสซื่อ สวยเรียบง่าย สาวสไตล์พี่สาว โอตาคุ สาวมั่น สาวเลือดร้อน มีการแสดงตัวอย่างท่าทาง และการแสดงออกทางอารมณ์ที่หลากหลาย และมีตัวอย่างเสื้อผ้าให้ลองฝึกกันหลายๆ แบบตั้งแต่ชุดชั้นในไปจนถึงชุดพร็อพ และสุดท้ายก็มีสอนในขั้นตอนการลงสีให้สวยงามตามสไตล์มังงะค่ะ

สำหรับเล่มนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเล่มที่ผู้รีวิวอยากจะแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจจะวาด หรือกำลังฝึกวาดรูปตัวการ์ตูนผู้หญิงสไตล์มังงะกันอยู่ เป็นหนังสือที่รวมตัวอย่างการวาดผู้หญิงในลักษณะท่าทางต่างๆ เอาไว้ครบถ้วนทีเดียวค่ะ และที่สำคัญคือมีสอนตั้งแต่การร่างโครงสร้างพื้นฐานของสัดส่วนร่างกายผู้หญิงเลย ถ้าฝึกวาดตามบ่อยๆ วาดแล้ววาดอีก หรือกลับมาวาดซ้ำรูปเดิมที่เคยวาดเอาไว้ ก็จะสามารถวาดรูปตัวการ์ตูนผู้หญิงได้สวยเนี้ยบขึ้นอย่างแน่นอนเลย ตัวอย่างในเล่มเขาก็เยอะ และมีคำอธิบายสั้นๆ ให้เราทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้นด้วย แต่ที่สำคัญคือเราก็ต้องฝึกเองเท่านั้นค่ะ ฝึกฝนอย่างต่อเนื่องทุกวัน วันละอย่างน้อย 1 ชั่วโมง...จะวาดไม่เก่งขึ้นเลยก็ให้มันรู้ไปสิ!

ในส่วนของภาพตัวอย่างในเล่มนี้ถือว่าสวยงามระดับมืออาชีพเขาวาดมาเป็นไกด์ให้ค่ะ ผลงานอีกหนึ่งเล่มของ C.C Club ที่ควรซื้อมาฝึกฝนทักษะการวาดเป็นอย่างยิ่ง

หนังสือสอนวาดรูปสไตล์มังงะตั้งแต่พื้นฐานที่เหมาะสำหรับคนที่หลงรักการวาดรูปสไตล์การ์ตูนญี่ปุ่น และอยากจะวาดออกมาให้สวยงามในแบบของตัวเองให้ได้ค่ะ

เล่มนี้จัดเนื้อหาการวาดรูปสไตล์มังงะในระดับพื้นฐานมาให้นักอยากเริ่มต้นฝึกวาด หรือนักกำลังฝึกวาดมังงะมาอย่างครบถ้วนทีเดียวเชียวล่ะ โดยในเล่มก็จะเริ่มต้นตั้งแต่การแนะนำอุปกรณ์การวาดก่อนเลย จากนั้นจึงเน้นที่การวาดสัดส่วนต่างๆ ของคนทั้งผู้หญิงและผู้ชายในท่าทาง และมุมมองต่างๆ เป็นหลักใน 5 บทแรก แล้วจึงเป็นส่วนของการสอนวาดเสื้อผ้าและอุปกรณ์เสริมต่างๆ การสอนวาดฉาก การจัดภาพการ์ตูน หรือการเตรียมต้นฉบับมังงะส่งเป็นซีรี่ย์ หรือเรื่องราว one shot ไปจนถึงแนะนำวิธีการลงสี และวิธีใช้โปรแกรมลงสีเลยล่ะ...เรียกได้ว่าครบสูตรมากๆ ค่ะ

สำหรับผู้รีวิวแล้วชอบเล่มนี้มากถึงมากที่สุด เพราะเขาสอนเข้าใจง่ายดีค่ะ มีตัวอย่างให้ดูเป็นฉากๆ เลยว่ากว่าจะวาดออกมาเป็นหนุ่มหล่อ สาวสวยหนึ่งคนนี่ต้องวาดโครงร่างแบบไหนออกมาก่อน ซึ่งถ้ามือใหม่ไม่รู้จักการวาดโครงร่างตัวละคร อาศัยแต่การวาดตามภาพการ์ตูนที่ชื่นชอบอย่างเดียวโดยไม่รู้เรื่องสัดส่วนร่างกายมนุษย์เลย ก็จะทำให้วาดออกมาสัดส่วนเบี้ยวเสียส่วนใหญ่ หนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือที่ตอบโจทย์ในเรื่องนี้มากๆ เลยล่ะ ส่วนในเรื่องของการวาดเสื้อผ้าและฉากอาจยังมีตัวอย่างไม่จุใจเท่าไรนัก เพราะเน้นสอนที่การวาดคนไปเกือบค่อนเล่มแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในส่วนนี้ค่ะ ที่เหลือ...ถ้าใครสนใจอยากจะวาดรูปให้เก่งจริงๆ ก็ต้องฝึกเท่านั้นค่ะ ฝึก ฝึก ฝึก...อย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง ก็จะทำให้วาดเก่งขึ้นได้อย่างแน่นอนเลย ในตอนแรกแม้ยังออกแบบตัวละครเองไม่ได้ก็ลองฝึกวาดตามเขาไปก่อนนั่นแหละ ตัวอย่างในเล่มมีให้เราฝึกมหาศาลมากทีเดียวเชียวล่ะ และลายเส้นก็สวยเนี้ยบด้วยนะคะ ผลงานจาก C.C Club

หนังสือสอนวาดรูปสไตล์มังงะตั้งแต่พื้นฐานที่เหมาะสำหรับคนที่หลงรักการวาดรูปสไตล์การ์ตูนญี่ปุ่น และอยากจะวาดออกมาให้สวยงามในแบบของตัวเองให้ได้ค่ะ

เล่มนี้จัดเนื้อหาการวาดรูปสไตล์มังงะในระดับพื้นฐานมาให้นักอยากเริ่มต้นฝึกวาด หรือนักกำลังฝึกวาดมังงะมาอย่างครบถ้วนทีเดียวเชียวล่ะ โดยในเล่มก็จะเริ่มต้นตั้งแต่การแนะนำอุปกรณ์การวาดก่อนเลย จากนั้นจึงเน้นที่การวาดสัดส่วนต่างๆ ของคนทั้งผู้หญิงและผู้ชายในท่าทาง และมุมมองต่างๆ เป็นหลักใน 5 บทแรก แล้วจึงเป็นส่วนของการสอนวาดเสื้อผ้าและอุปกรณ์เสริมต่างๆ การสอนวาดฉาก การจัดภาพการ์ตูน หรือการเตรียมต้นฉบับมังงะส่งเป็นซีรี่ย์ หรือเรื่องราว one shot ไปจนถึงแนะนำวิธีการลงสี และวิธีใช้โปรแกรมลงสีเลยล่ะ...เรียกได้ว่าครบสูตรมากๆ ค่ะ

สำหรับผู้รีวิวแล้วชอบเล่มนี้มากถึงมากที่สุด เพราะเขาสอนเข้าใจง่ายดีค่ะ มีตัวอย่างให้ดูเป็นฉากๆ เลยว่ากว่าจะวาดออกมาเป็นหนุ่มหล่อ สาวสวยหนึ่งคนนี่ต้องวาดโครงร่างแบบไหนออกมาก่อน ซึ่งถ้ามือใหม่ไม่รู้จักการวาดโครงร่างตัวละคร อาศัยแต่การวาดตามภาพการ์ตูนที่ชื่นชอบอย่างเดียวโดยไม่รู้เรื่องสัดส่วนร่างกายมนุษย์เลย ก็จะทำให้วาดออกมาสัดส่วนเบี้ยวเสียส่วนใหญ่ หนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือที่ตอบโจทย์ในเรื่องนี้มากๆ เลยล่ะ ส่วนในเรื่องของการวาดเสื้อผ้าและฉากอาจยังมีตัวอย่างไม่จุใจเท่าไรนัก เพราะเน้นสอนที่การวาดคนไปเกือบค่อนเล่มแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในส่วนนี้ค่ะ ที่เหลือ...ถ้าใครสนใจอยากจะวาดรูปให้เก่งจริงๆ ก็ต้องฝึกเท่านั้นค่ะ ฝึก ฝึก ฝึก...อย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง ก็จะทำให้วาดเก่งขึ้นได้อย่างแน่นอนเลย ในตอนแรกแม้ยังออกแบบตัวละครเองไม่ได้ก็ลองฝึกวาดตามเขาไปก่อนนั่นแหละ ตัวอย่างในเล่มมีให้เราฝึกมหาศาลมากทีเดียวเชียวล่ะ และลายเส้นก็สวยเนี้ยบด้วยนะคะ ผลงานจาก C.C Club

ผลงานแปลของคุณศุณิษา เทพธารากุลการ ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ยังสับสนกับการใช้คำศัพท์ภาษาอังกฤษบางคำที่มีลักษณะการใช้คล้ายๆ กันอย่างมากค่ะ

ครั้งแรกที่ผู้รีวิวหยิบหนังสือเล่มนี้ออกมาเปิดพลิกๆ ดูก็ยังรู้สึกลังเลค่ะว่าควรจะซื้อดีมั้ยนะ เพราะคำศัพท์บางคำก็เป็นคำที่ผู้รีวิวรู้หลักการใช้อยู่แล้ว แต่พอเปิดไปเปิดมาก็เริ่มจะมองเห็นความแตกต่างทางด้านความหมายของคำศัพท์ที่คิดว่าคล้ายกันอยู่เยอะทีเดียวเชียวล่ะ สุดท้ายก็เลยตัดสินใจซื้อมาอ่านและเก็บเป็น reference ไว้ เผื่อเจอคำที่ใช้กันสับสนขึ้นมาจะได้กลับมาเปิดพลิกหาดูได้

ภายในเล่มก็จะมีการจัดวางองค์ประกอบเนื้อหาเอาไว้เป็นหมวดเป็นหมู่ดีทีเดียวค่ะ สำหรับในเล่มนี้จะแบ่งออกเป็น 8 หมวดด้วยกัน คือ หมวดคำกริยาน่าฉงน คำนามหลากความหมาย คำขยายคล้ายแต่ไม่เหมือน คำหน้าตาคล้ายความหมายต่าง คำน่าฉงนสับสนกันถ้วนทั่ว ภาษาอังกฤษแบบไทยอย่าใช้เชียว แฝดคนละฝา และสุดท้ายคือ หมวดฝรั่งยังงง ซึ่งในแต่ละหมวดก็จะใช้วิธีจับคู่คำศัพท์ที่มักใช้สับสนมาอธิบายเป็นคู่ๆ ไป โดยจะแทรกข้อควรจำ แบบฝึกหัดสั้นๆ และตัวอย่างการใช้ในประโยคต่างๆ เอาไว้ครบเลยล่ะ

หากมองในภาพรวมแล้ว หนังสือเล่มนี้ก็เป็นอีกเล่มหนึ่งที่จะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับฝึกพัฒนาทักษะทางด้านการอ่าน และการเขียนภาษาอังกฤษเป็นพิเศษค่ะ เป็นหนังสือที่เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไปที่สนใจอยากจะทำความเข้าใจเรื่องความแตกต่างระหว่างคำศัพท์ที่มักใช้กันสับสนได้อย่างดีเยี่ยมทีเดียวเชียวล่ะ ตัวเล่มอาจจะหนาไปนิด แต่ถ้าได้เปิดอ่านข้างในแล้วก็จะรู้ว่าเนื้อหาข้างในมีประโยชน์มากๆ ค่ะ

ผลงานแปลของคุณศุณิษา เทพธารากุลการ ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ยังสับสนกับการใช้คำศัพท์ภาษาอังกฤษบางคำที่มีลักษณะการใช้คล้ายๆ กันอย่างมากค่ะ

ครั้งแรกที่ผู้รีวิวหยิบหนังสือเล่มนี้ออกมาเปิดพลิกๆ ดูก็ยังรู้สึกลังเลค่ะว่าควรจะซื้อดีมั้ยนะ เพราะคำศัพท์บางคำก็เป็นคำที่ผู้รีวิวรู้หลักการใช้อยู่แล้ว แต่พอเปิดไปเปิดมาก็เริ่มจะมองเห็นความแตกต่างทางด้านความหมายของคำศัพท์ที่คิดว่าคล้ายกันอยู่เยอะทีเดียวเชียวล่ะ สุดท้ายก็เลยตัดสินใจซื้อมาอ่านและเก็บเป็น reference ไว้ เผื่อเจอคำที่ใช้กันสับสนขึ้นมาจะได้กลับมาเปิดพลิกหาดูได้

ภายในเล่มก็จะมีการจัดวางองค์ประกอบเนื้อหาเอาไว้เป็นหมวดเป็นหมู่ดีทีเดียวค่ะ สำหรับในเล่มนี้จะแบ่งออกเป็น 8 หมวดด้วยกัน คือ หมวดคำกริยาน่าฉงน คำนามหลากความหมาย คำขยายคล้ายแต่ไม่เหมือน คำหน้าตาคล้ายความหมายต่าง คำน่าฉงนสับสนกันถ้วนทั่ว ภาษาอังกฤษแบบไทยอย่าใช้เชียว แฝดคนละฝา และสุดท้ายคือ หมวดฝรั่งยังงง ซึ่งในแต่ละหมวดก็จะใช้วิธีจับคู่คำศัพท์ที่มักใช้สับสนมาอธิบายเป็นคู่ๆ ไป โดยจะแทรกข้อควรจำ แบบฝึกหัดสั้นๆ และตัวอย่างการใช้ในประโยคต่างๆ เอาไว้ครบเลยล่ะ

หากมองในภาพรวมแล้ว หนังสือเล่มนี้ก็เป็นอีกเล่มหนึ่งที่จะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับฝึกพัฒนาทักษะทางด้านการอ่าน และการเขียนภาษาอังกฤษเป็นพิเศษค่ะ เป็นหนังสือที่เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไปที่สนใจอยากจะทำความเข้าใจเรื่องความแตกต่างระหว่างคำศัพท์ที่มักใช้กันสับสนได้อย่างดีเยี่ยมทีเดียวเชียวล่ะ ตัวเล่มอาจจะหนาไปนิด แต่ถ้าได้เปิดอ่านข้างในแล้วก็จะรู้ว่าเนื้อหาข้างในมีประโยชน์มากๆ ค่ะ

ผลงานแปลของคุณวลัยพร หงส์วิเศษชัย เล่มขนาดเหมาะมือ และเนื้อหาไม่หนักจนทำให้เครียดสติแตกไปกับภาษาอังกฤษค่ะ

เล่มนี้อ่านแล้วรู้สึกสบายๆ และในขณะเดียวกันก็ได้ความรู้รอบตัวที่มีโอกาสจะได้พบเจอจริงๆ ในชีวิตประจำวันเพิ่มเติมมากมายทีเดียวเชียวล่ะ เนื้อหาต่างๆ ภายในเล่มจะแบ่งออกเป็น 5 บทหลักๆ คือ บทอาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย การเดินทาง และปิดท้ายด้วยบทชีวิตประจำวัน โดยในแต่ละบทก็จะเริ่มต้นด้วยคำศัพท์สำคัญ และภาพประกอบสวยๆ ที่ช่วยให้เข้าใจคำศัพท์มากยิ่งขึ้น จากนั้นจึงเป็นการเริ่มต้นบทย่อยๆ ด้วยตัวอย่างบทสนทนาจากสถานการณ์ต่างๆ ตามด้วยคำศัพท์สำคัญ และเกร็ดความรู้เพิ่มเติมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคำศัพท์หรือเนื้อหาในบท

เมื่อได้อ่านเล่มนี้แล้วผู้รีวิวจะชอบในส่วน “เรื่องสำคัญที่ควรรู้” หรือส่วนเกร็ดความรู้เพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับคำศัพท์และเนื้อหาเป็นพิเศษค่ะ เพราะอ่านแล้วจะได้รู้เรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อนเยอะมากๆ เลย และที่สำคัญคือภาพประกอบที่แทรกเข้าในส่วนนี้ก็สวยและช่วยเพิ่มความเข้าใจให้ได้มากมายทีเดียวเชียวล่ะ ส่วนในเรื่องของบทสนทนาและคำศัพท์ต่างๆ ในเล่มก็มียากบ้าง ง่ายบ้างคละๆ กันไปซึ่งก็ไม่ได้ยากจนทำให้อ่านแล้วเครียดอะไรแบบนั้นค่ะ อย่างไรก็ตาม เวลาอ่านคำบางคำก็อาจจะมีติดๆ ขัดๆ ตะกุกตะกักอยู่บ้างเพราะเล่มนี้ไม่มีการสะกดคำอ่านเป็นภาษาไทยเอาไว้ให้ ก็ต้องฟัง และฝึกออกเสียงจากซีดีกันอีกทีนะคะ

หากมองในภาพรวมแล้วหนังสือเล่มนี้จะเหมาะกับนักเรียน นักศึกษาเป็นพิเศษ แต่สำหรับคนที่ทำงานแล้วก็อ่านได้เช่นเดียวกันค่ะ เป็นหนังสือฉบับพกพาที่อัดแน่นไปด้วยความรู้รอบตัวที่มีโอกาสจะได้ใช้ในชีวิตประจำวันมากมายทีเดียวเชียวล่ะ

ผลงานแปลของคุณวลัยพร หงส์วิเศษชัย เล่มขนาดเหมาะมือ และเนื้อหาไม่หนักจนทำให้เครียดสติแตกไปกับภาษาอังกฤษค่ะ

เล่มนี้อ่านแล้วรู้สึกสบายๆ และในขณะเดียวกันก็ได้ความรู้รอบตัวที่มีโอกาสจะได้พบเจอจริงๆ ในชีวิตประจำวันเพิ่มเติมมากมายทีเดียวเชียวล่ะ เนื้อหาต่างๆ ภายในเล่มจะแบ่งออกเป็น 5 บทหลักๆ คือ บทอาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย การเดินทาง และปิดท้ายด้วยบทชีวิตประจำวัน โดยในแต่ละบทก็จะเริ่มต้นด้วยคำศัพท์สำคัญ และภาพประกอบสวยๆ ที่ช่วยให้เข้าใจคำศัพท์มากยิ่งขึ้น จากนั้นจึงเป็นการเริ่มต้นบทย่อยๆ ด้วยตัวอย่างบทสนทนาจากสถานการณ์ต่างๆ ตามด้วยคำศัพท์สำคัญ และเกร็ดความรู้เพิ่มเติมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคำศัพท์หรือเนื้อหาในบท

เมื่อได้อ่านเล่มนี้แล้วผู้รีวิวจะชอบในส่วน “เรื่องสำคัญที่ควรรู้” หรือส่วนเกร็ดความรู้เพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับคำศัพท์และเนื้อหาเป็นพิเศษค่ะ เพราะอ่านแล้วจะได้รู้เรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อนเยอะมากๆ เลย และที่สำคัญคือภาพประกอบที่แทรกเข้าในส่วนนี้ก็สวยและช่วยเพิ่มความเข้าใจให้ได้มากมายทีเดียวเชียวล่ะ ส่วนในเรื่องของบทสนทนาและคำศัพท์ต่างๆ ในเล่มก็มียากบ้าง ง่ายบ้างคละๆ กันไปซึ่งก็ไม่ได้ยากจนทำให้อ่านแล้วเครียดอะไรแบบนั้นค่ะ อย่างไรก็ตาม เวลาอ่านคำบางคำก็อาจจะมีติดๆ ขัดๆ ตะกุกตะกักอยู่บ้างเพราะเล่มนี้ไม่มีการสะกดคำอ่านเป็นภาษาไทยเอาไว้ให้ ก็ต้องฟัง และฝึกออกเสียงจากซีดีกันอีกทีนะคะ

หากมองในภาพรวมแล้วหนังสือเล่มนี้จะเหมาะกับนักเรียน นักศึกษาเป็นพิเศษ แต่สำหรับคนที่ทำงานแล้วก็อ่านได้เช่นเดียวกันค่ะ เป็นหนังสือฉบับพกพาที่อัดแน่นไปด้วยความรู้รอบตัวที่มีโอกาสจะได้ใช้ในชีวิตประจำวันมากมายทีเดียวเชียวล่ะ

ผลงานแปลของคุณฐิติรัตน์ ชะโรจน์บวร ที่รวมตัวอย่างบทสนทนาสำหรับคนทำงานออฟฟิศระดับมืออาชีพซึ่งค่อนข้างครอบคลุมในหลายๆ สายธุรกิจทีเดียวค่ะ

ภายในเล่มจะมีบทใหญ่อยู่ 8 บท และบทย่อยๆ รวมทั้งหมด 52 บทด้วยกัน แต่ละบทก็จะมีพูดเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัท การตลาดและโฆษณา การร่วมงานแสดงสินค้า การต่อรองราคาและการสั่งซื้อ บรรจุภัณฑ์ การประกันภัย การขนส่ง การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ การเยี่ยมเยียนต้อนรับลูกค้า รวมไปถึงการเจรจาทางธุรกิจในโอกาสต่างๆ ด้วย โดยเนื้อหาในแต่ละบทก็จะขึ้นต้นบทด้วยเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเนื้อหาของบทนั้นๆ ตามด้วยบทสนทนา คำศัพท์ คำอธิบายการใช้คำศัพท์ และปิดท้ายด้วยแบบทดสอบทบทวนความรู้อีกทีหนึ่ง

หลังจากได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วก็ชอบตัวอย่างบทสนทนาและการอธิบายการใช้คำศัพท์ที่เขานำเสนอมาค่ะ ภาษาแปลดี อธิบายเข้าใจง่าย และมีตัวอย่างการใช้ประโยคมาให้ทำความเข้าใจด้วย ส่วนคำศัพท์ก็มีคำศัพท์ยากง่ายคละกันไป และบางทีก็มีศัพท์เฉพาะ ด้านเศรษฐศาสตร์และธุรกิจที่มักจะเห็นกันบ่อยๆ ในข่าว ในสำนักงาน หรือในโรงงานมาให้ได้ศึกษากัน

อย่างไรก็ตาม ถ้าถามว่าเล่มนี้เหมาะกับกลุ่มคนวัยทำงานมืออาชีพรุ่นเก๋าอย่างเดียวหรือเปล่า ก็คงจะไม่ใช่ค่ะ เพราะถึงแม้จะยังเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือเพิ่งจะทำงานใหม่ๆ ก็อ่านเล่มนี้ได้อย่างสบายๆ เลย ไม่จำเป็นจะต้องทำงานมีประสบการณ์หลายปีแล้วถึงมาหยิบเล่มนี้ไปอ่านเพราะเนื้อหาด้านในก็ไม่ได้ยากระดับฮาร์ดคอร์ ถึงขั้นที่ต้องเป็นมืออาชีพรุ่นเก๋าเท่านั้นถึงจะอ่านรู้เรื่อง ดังนั้น ผู้รีวิวจึงขอแนะนำสำหรับผู้อ่านทุกๆ ท่านที่สนใจอยากจะเพิ่มเติมคลังข้อมูลความรู้ด้านบทสนทนา และคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในออฟฟิศให้ซื้อเก็บไปลองอ่านกันดูนะคะ

ผลงานแปลของคุณฐิติรัตน์ ชะโรจน์บวร ที่รวมตัวอย่างบทสนทนาสำหรับคนทำงานออฟฟิศระดับมืออาชีพซึ่งค่อนข้างครอบคลุมในหลายๆ สายธุรกิจทีเดียวค่ะ

ภายในเล่มจะมีบทใหญ่อยู่ 8 บท และบทย่อยๆ รวมทั้งหมด 52 บทด้วยกัน แต่ละบทก็จะมีพูดเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัท การตลาดและโฆษณา การร่วมงานแสดงสินค้า การต่อรองราคาและการสั่งซื้อ บรรจุภัณฑ์ การประกันภัย การขนส่ง การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ การเยี่ยมเยียนต้อนรับลูกค้า รวมไปถึงการเจรจาทางธุรกิจในโอกาสต่างๆ ด้วย โดยเนื้อหาในแต่ละบทก็จะขึ้นต้นบทด้วยเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเนื้อหาของบทนั้นๆ ตามด้วยบทสนทนา คำศัพท์ คำอธิบายการใช้คำศัพท์ และปิดท้ายด้วยแบบทดสอบทบทวนความรู้อีกทีหนึ่ง

หลังจากได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วก็ชอบตัวอย่างบทสนทนาและการอธิบายการใช้คำศัพท์ที่เขานำเสนอมาค่ะ ภาษาแปลดี อธิบายเข้าใจง่าย และมีตัวอย่างการใช้ประโยคมาให้ทำความเข้าใจด้วย ส่วนคำศัพท์ก็มีคำศัพท์ยากง่ายคละกันไป และบางทีก็มีศัพท์เฉพาะ ด้านเศรษฐศาสตร์และธุรกิจที่มักจะเห็นกันบ่อยๆ ในข่าว ในสำนักงาน หรือในโรงงานมาให้ได้ศึกษากัน

อย่างไรก็ตาม ถ้าถามว่าเล่มนี้เหมาะกับกลุ่มคนวัยทำงานมืออาชีพรุ่นเก๋าอย่างเดียวหรือเปล่า ก็คงจะไม่ใช่ค่ะ เพราะถึงแม้จะยังเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือเพิ่งจะทำงานใหม่ๆ ก็อ่านเล่มนี้ได้อย่างสบายๆ เลย ไม่จำเป็นจะต้องทำงานมีประสบการณ์หลายปีแล้วถึงมาหยิบเล่มนี้ไปอ่านเพราะเนื้อหาด้านในก็ไม่ได้ยากระดับฮาร์ดคอร์ ถึงขั้นที่ต้องเป็นมืออาชีพรุ่นเก๋าเท่านั้นถึงจะอ่านรู้เรื่อง ดังนั้น ผู้รีวิวจึงขอแนะนำสำหรับผู้อ่านทุกๆ ท่านที่สนใจอยากจะเพิ่มเติมคลังข้อมูลความรู้ด้านบทสนทนา และคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในออฟฟิศให้ซื้อเก็บไปลองอ่านกันดูนะคะ

ผลงานแปลของคุณฐิติรัตน์ ชะโรจน์บวร ที่ภาษาแปลด้านในดีเยี่ยมค่ะ

เล่มนี้มาแนวภาษาอังกฤษในที่ทำงานที่จะเหมาะมากสำหรับหนุ่มและสาวออฟฟิศมือใหม่ที่ต้องการจะสื่อสารพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษ หรือแม้แต่จะอ่านเพื่อเพิ่มคะแนนการสอบวัดระดับฮอตฮิตอย่างการสอบ TOEIC ก็จะเป็นประโยชน์มากเช่นเดียวกันค่ะ

ส่วนเนื้อหาภายในเล่มก็แบ่งเป็นบทๆ ที่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงานมากๆ เลย คือมีตั้งแต่บทพูดในตอนหางาน หรือสมัครงาน จากนั้นก็จะเป็นบทที่เกี่ยวกับการสัมภาษณ์งาน การเริ่มงานวันแรก การแนะนำตัวเอง การตอบโทรศัพท์ การเช็คอีเมล การพูดคุยกับลูกค้า การต่อรองราคา การลาออก และบทอื่นๆ ที่น่าสนใจมากๆ รวมทั้งหมด 56 บทด้วยกันค่ะ โดยเนื้อหาหลักๆ ในแต่ละบทก็จะมีตัวอย่างบทสนทนา คำศัพท์ คำแปล และแบบทดสอบความเข้าใจปิดท้ายอีกทีแบบครบถ้วนกระบวนความมากๆ

สิ่งที่ผู้รีวิวประทับใจสำหรับเล่มนี้ก็คือ เป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับคนวัยทำงานมือใหม่เป็นพิเศษ บทสนทนาที่ยกมามีความเป็นธรรมชาติ และก็มีระดับความยากที่เหมาะสำหรับคนวัยทำงาน ไม่ใช่ประโยค หรือคำศัพท์ง่ายๆ ทั่วๆ ไปที่หลายคนก็รู้ๆ กันอยู่แล้ว และประทับใจตรงที่มีการอธิบายการใช้วลี หรือคำศัพท์ต่างๆ ได้ชัดเจน และมีตัวอย่างประโยคประกอบการใช้ให้อีกด้วยค่ะ

ดังนั้นถ้าใครอยากจะเพิ่มเติมทักษะทางด้านการพูด หรือการอ่านภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในออฟฟิศ ก็อยากจะแนะนำเล่มนี้เอาไว้อีกเล่มหนึ่งค่ะ ไม่จำเป็นจะต้องเรียนจบหรือทำงานแล้วก็ได้นะ น้องๆ นักเรียน นักศึกษา ถ้าสนใจก็อ่านเก็บเป็นความรู้เตรียมพร้อมเอาไว้ได้เหมือนกันค่ะ อ่านอย่างตั้งใจ ฝึกพูด และฝึกใช้บ่อยๆ ก็จะช่วยเพิ่มเติมทักษะภาษาอังกฤษของเราได้ในท้ายที่สุด

ผลงานแปลของคุณฐิติรัตน์ ชะโรจน์บวร ที่ภาษาแปลด้านในดีเยี่ยมค่ะ

เล่มนี้มาแนวภาษาอังกฤษในที่ทำงานที่จะเหมาะมากสำหรับหนุ่มและสาวออฟฟิศมือใหม่ที่ต้องการจะสื่อสารพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษ หรือแม้แต่จะอ่านเพื่อเพิ่มคะแนนการสอบวัดระดับฮอตฮิตอย่างการสอบ TOEIC ก็จะเป็นประโยชน์มากเช่นเดียวกันค่ะ

ส่วนเนื้อหาภายในเล่มก็แบ่งเป็นบทๆ ที่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงานมากๆ เลย คือมีตั้งแต่บทพูดในตอนหางาน หรือสมัครงาน จากนั้นก็จะเป็นบทที่เกี่ยวกับการสัมภาษณ์งาน การเริ่มงานวันแรก การแนะนำตัวเอง การตอบโทรศัพท์ การเช็คอีเมล การพูดคุยกับลูกค้า การต่อรองราคา การลาออก และบทอื่นๆ ที่น่าสนใจมากๆ รวมทั้งหมด 56 บทด้วยกันค่ะ โดยเนื้อหาหลักๆ ในแต่ละบทก็จะมีตัวอย่างบทสนทนา คำศัพท์ คำแปล และแบบทดสอบความเข้าใจปิดท้ายอีกทีแบบครบถ้วนกระบวนความมากๆ

สิ่งที่ผู้รีวิวประทับใจสำหรับเล่มนี้ก็คือ เป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับคนวัยทำงานมือใหม่เป็นพิเศษ บทสนทนาที่ยกมามีความเป็นธรรมชาติ และก็มีระดับความยากที่เหมาะสำหรับคนวัยทำงาน ไม่ใช่ประโยค หรือคำศัพท์ง่ายๆ ทั่วๆ ไปที่หลายคนก็รู้ๆ กันอยู่แล้ว และประทับใจตรงที่มีการอธิบายการใช้วลี หรือคำศัพท์ต่างๆ ได้ชัดเจน และมีตัวอย่างประโยคประกอบการใช้ให้อีกด้วยค่ะ

ดังนั้นถ้าใครอยากจะเพิ่มเติมทักษะทางด้านการพูด หรือการอ่านภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในออฟฟิศ ก็อยากจะแนะนำเล่มนี้เอาไว้อีกเล่มหนึ่งค่ะ ไม่จำเป็นจะต้องเรียนจบหรือทำงานแล้วก็ได้นะ น้องๆ นักเรียน นักศึกษา ถ้าสนใจก็อ่านเก็บเป็นความรู้เตรียมพร้อมเอาไว้ได้เหมือนกันค่ะ อ่านอย่างตั้งใจ ฝึกพูด และฝึกใช้บ่อยๆ ก็จะช่วยเพิ่มเติมทักษะภาษาอังกฤษของเราได้ในท้ายที่สุด